วิธีการง่ายๆ ในการดูแลสีรถ

แน่นอนว่า การดูแลสีรถให้ดูสดใสใหม่เสมอนั ้นก็คงไม่พ้นการล้างทำความสะอาด เป็นประจำ แต่ข้อสำคัญอยู่ที่วิธีการล้างว ่า ไม่ใช่เพียงแต่ใช้น้ำยาล้างรถ แล้วก็เช็ดๆ ถูๆ เท่านั้น ดังนั้น ในคราวนี้จึงขอนำเกร็ดความรู้ใน การดูแลสีรถว่า จะล้างอย่างไรไม่ให้สีรถเสีย แทนที่จะได้สีรถสวย มาฝากกันครับ

ปัจจัยที่ส่งผลถึงสีรถในสภาพอาก าศที่เป็นอยู่ในเมืองใหญ่ๆ นั้น คือ ฝุ่นละออง และสิ่งสกปรกบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นเขม่าจากไอเสียรถยน ต์ ยางมะตอย สารเคมี มูลนก ยางไม้ แมลง เป็นต้น นอกจากนี้ในบริเวณใกล้โรงงานอุต สาหกรรมรถคันงามของคุณก็ต้องเจอ ควันเสียที่ปล่อยออกมาจากโรงงาน เหล่านั้น ซี่งบางครั้งก็อาจมีส่วนประกอบข องซัลเฟอร์ไดอ๊อกไซด์ และหากคุณขับรถไปแถวๆ นั้นในช่วงฝนตก ซัลเฟอร์ไดอ๊อกไซด์ตัวนี้ก็จะผส มผสานกับน้ำฝนทำให้มีฤทธิ์เป็นก รด แย่หนักขึ้นไปอีก

ในเมืองชายทะเล อากาศจะร้อนชื้น และมีไอเกลือผสมอยู่ในอากาศ ซึ่งหากคุณอยู่ในพื้นที่ชายทะเล แล้วคงหลีกเลี่ยงได้ยาก

แต่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในประเทศไ ทย สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย คือ อุณหภูมิสูง และแสงแดดร้อนระอุ ซึ่งหากจอดรถทิ้งไว้กลางแดดเป็น ประจำนานๆ ก็สามารถทำให้สีรถแตกได้ โดยเฉพาะบริเวณที่รับแสงแดดตรงๆ  เช่น หลังคา และกระโปรงหน้า กับท้ายรถ 

แล้วจะทำอย่างไรกันดีล่ะ?

จั่วหัวไว้แล้วว่าจะนำวิธีการล้ างรถอย่างถูกวิธีมาฝาก เพราะการล้างๆ เช็ดๆ ไปเรื่อยนั้น ถึงแม้จะช่วยชะล้างเอาสิ่งสกปรก ออกไปบ้าง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะดูแลสภา พสีรถของคุณ เพราะฉะนั้นก็ไม่โอ้เอ้กันล่ะ

ประการแรก การล้างรถนั้น บ่อยแค่ไหนจึงจะพอดี – ก็สัปดาห์ละครั้ง หรือ เมื่อสีเริ่มสกปรก 

หากมีคราบน้ำมันเบนซิน น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก จาระบี เปื้อนสีรถ ให้ล้างออกทันที ถึงแม้ว่าสีรถของคุณจะเป็นสีพิเ ศษทนทานอย่างไรก็ตาม

และถ้ามีแมลงตายติดอยู่กับตัวถั งก็ให้กำจัดซากแมลงเหล่านั้นออก เสียก่อนที่จะล้างรถ

เวลาล้างต้องล้างบริเวณขอบประตู  ฝากระโปรงหน้า และหลังให้ทั่วถึง

ในฤดูฝนถึงแม้ฝนจะตกทุกวัน อย่าหวังพึ่งให้ฝนล้างรถให้ หรือ กลัวว่าล้างแล้วก็ต้องเจอฝนอีก แต่ควรล้างให้บ่อยกว่าปกติ เพื่อเอาโคลนที่ติดอยู่ออกจะได้ ไม่สะสม และทำให้ล้างออกได้ยากขึ้นไปอีก

ส่วนขั้นตอนการล้างรถ ก็ให้เริ่มจากด้านบนก่อน คือ หลังคา ไล่ลงมายังฝากระโปรง ล้างส่วนล่าง และล้อรถเป็นขั้นสุดท้าย ซึ่งส่วนนี้มักจะมีทราย หรือส่วนที่เป็นของแข็งปะปนอยู่ มาก ดังนั้นจึงควรแยกใช้ฟองน้ำเป็นค นละชิ้นกับที่ใช้ล้างตัวถัง
ถ้าคุณใช้แชมพูล้างรถ ก็ต้องใช้น้ำล้างออกอีกครั้ง แต่หากไม่มีแชมพูล้างรถ ห้ามเอาผงซักฟอกมาล้างรถเป็นอัน ขาด

พอล้างเสร็จหมดทั้งคันแล้วก็เอา ผ้าชามัวร์ หรือ ผ้านุ่ม สะอาดๆ ก็ได้เช็ดหยดน้ำให้หมดจด มิฉะนั้น รอยหยดน้ำที่แห้งแล้วจะทิ้งคราบ ขาวๆ ให้เห็นอยู่บนตัวรถ หากยังมีคราบสกปรกหลงเหลืออยู่ใ ห้ใช้น้ำยาทำความสะอาดเช็ดออกทั นที

แค่นี้เองสีรถของคุณก็จะได้รับก ารดูแลขั้นพื้นฐานแล้ว ยังไม่ทันเหนื่อยเลยใช่ไหมครับ 

ที่มา
http://www.krungsriauto.com/ images/tips/car/easyColor.pdf