ดูแลรถเบื้องต้นได้ ไม่ต้องพึ่งใคร
บรรยากาศเศรษฐกิจซบเซาอย่างนี้ เก็บเงินในกระเป๋าไว้ได้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้นใช่ไหมครับ?
เพราะฉะนั้น เรามาดูแลรถของเราในขั้นต้นกันดีกว่า เพราะนอกจากจะไม่ต้องเสียเงินให้ช่างโดยไม่จำเป็นแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ไห้ต้องเสียเงินก้อนใหญ่เพราะสาเหตุจากเรื่องเล็กน้อยอย่างเครื่องยนต์พัง
เพราะน้ำในหม้อน้ำแห้งอีกด้วยนะครับ
จุดใหญ่ๆ ที่เราสามารถตรวจดูเบื้องต้นได้ก็คือ ยางรถยนต์ และระบบของเหลวต่างๆ อันได้แก่ น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรค น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ น้ำฉีดกระจก น้ำกลั่นแบตเตอรี่ ครับ
สำหรับคราวนี้เราจะคุยกันเรื่องยางรถยนต์ก่อนแล้วกันนะครับ
ยางเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัย การขับรถที่ยางหมดสภาพเป็นภาวะที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมาก โดยเฉพาะในหน้าฝน เพราะยางที่หมดสภาพ ไม่มีดอกยางแล้วจะไม่ยึดติดถนนทำให้เบรคไม่อยู่เมื่อฝนตกถนนลื่น ลักษณะที่บ่งบอกว่ายางหมดสภาพแล้วนั้นมีหลายอย่าง อย่างแรกคือ ดอกยางหมด ดอกยางคือส่วนที่อยู่บนหน้ายาง และสำผัสพื้นผิวถนนตลอดเวลาที่รถวิ่ง ส่วนนี้จะสูงกว่า ร่องยาง ซึ่งก็คือร่องที่ลึกลงไปจากหน้ายาง หรือร่องที่อยู่ระหว่างดอกยาง เมื่อใช้ไปนานๆ ร่องยางจะตื้น เพราะดอกยางสึกลงไปเรื่อยๆ จนบางทีแทบไม่มีร่องยางปรากฏให้เห็น เรียกว่าดอกยางหมด แต่อย่าขับจนดอกยางหมดเลยนะครับ มันอันตราย

ภาพซ้าย ยางที่มีสภาพของดอกยางที่ดี ภาพขวา ยางที่ดอกยางหมดแล้ว
ลักษณะที่สอง คือ เนื้อยางแข็ง ตามธรรมชาติของยางเมื่อถูกความร้อนในระดับหนึ่งที่ไม่ถึงกับทำให้ละลายนั้น ก็จะแข็งตัว ยางรถยนต์ต้องเผชิญความร้อนจากถนน การเสียดสี และการบิดตัวของยางเองซึ่งเกิดขึ้นตลอดระยะที่ยางหมุน ดังนั้นเมื่อยางถูกใช้งานไประยะหนึ่งก็จะเริ่มแข็งตัว ทำให้การสึกของดอกยางช้าลง จึงทำให้เราเข้าใจผิดว่าดอกยางยังไม่หมด แต่ความจริงแล้วสภาวะดอกยางแข็งนี้ทำให้แรงเสียดทานระหว่างดอกยางกับผิวถนนจะลดลง และโครงสร้างภายในยางก็จะเสื่อมด้วย เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ยางรถของเราหมดสภาพแล้ว ผู้รู้ท่านบอกว่า อายุของยางจะประมาณอยู่ที่ 3 ปี หรือ เมื่อใช้งานไปแล้วห้าหมื่นกิโลเมตร แต่หากยังใช้งานต่อก็ให้ตรวจตราสภาพของยางอย่างสม่ำเสมอครับ
นอกจากสภาพของยางแล้ว ลมยางก็เป็นสิ่งสำคัญ ก่อนอื่นก็ต้องรู้ว่าความดันลมที่เหมาะสมคือเท่าไหร่ ซึ่งดูได้จากคู่มือรถ แล้วก็เติมลมยางตามนั้น กรณีเปลี่ยนยางใหม่ ในช่วงที่ใช้ยาง 3,000 ก.ม. แรก ควรตรวจเช็ดความดันลมให้ถี่ขึ้นหน่อย เพราะในช่วงนี้ โครงสร้างของยางจะมีการขยายตัว ทำให้ความลมยางลดลงกว่าปกติได้
ในกรณีที่ขับรถมาเป็นเวลานาน แล้วไปตรวจพบว่าแรงดันยางสูงกว่าปกติ ไม่ควรปล่อยลมออก เพราะความดันที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการใช้งานซึ่งทำให้ยางร้อนขึ้น ดังนั้นเมื่อยางเย็นตัวลงความดันลมก็จะกลับมาเป็นปกติตามเดิม
วาล์วที่ปิดกันลมรั่วก็หมดอายุได้เช่นกัน จึงควรตรวจดูในจุดนี้ด้วยเพื่อป้องกันลมซึมออกมา หรือ คุณจะเปลี่ยนวาลว์เมื่อเปลี่ยนยางใหม่พร้อมกันไปเลยก็ดีนะครับ
หากต้องขับรถที่ความเร็วสูง เช่น เวลาเดินทางไปต่างจังหวัด ควรเติมลมยางให้มากกว่าปกติ 3-5 ปอนด์ ซึ่งจะช่วยลดการบิดตัวของยาง ส่งผลให้เกิดความร้อนน้อยลง
สุดท้าย ตัวสำคัญที่มักถูกลืม คือ ยางอะไหล่เพราะหากเกิดเหตุแล้วยางอะไหล่ไม่อยู่ในสภาพพร้อมใช้นี่จะทำให้ยิ่งปวดหัวใจมากขึ้นเลยนะครับ เพราะฉะนั้น ควรตรวจเช็คลมยางอะไหล่ให้ถูกต้องทุกๆ เดือน ด้วยคร๊าบ
ที่มาเนื้อหา http://www.srdriving.com/main/content/view/64/54/
ภาพจาก http://www.yangonline2015.com/ , http://www.optraclub.com/
|